วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559
แนวคิดเชิงนวัตกรรม
แนวคิดเชิงนวัตกรรม
บรรพต เคลียพวงพิทย์
คงไม่ต้องอธิบายยืดยาวนักสำหรับนิยามของคำว่านวัตกรรม เนื่องจากได้มีผู้รู้มากมายได้นิยามและอธิบายไว้แล้วในเว๊บไซท์ต่างๆ ถ้าจะให้พูดถึงความหมายคร่าวๆของนวัตกรรมก็คงนิยามไม่ต่างจากผู้รู้ท่านอื่นๆ มากนัก คือต้องเป็นสิ่งประดิษฐ์ กระบวนการ หรือวิธีการใหม่ และต้อง "ขายได้" ซึ่งคำว่าขายได้ของผมไม่ได้หมายถึงได้เงินอย่างเดียวนะ ขายได้หมายความมันต้องตอบโจทย์สังคมหรือคนจำนวนมากด้วย คือผู้ใช้จำนวนมากบอกเป็นเสียงเดียวกันนี่แหละ สิ่งที่ฉันกำลังหาอยู่ คิดได้ไง ทำไมไม่มีใครทำสิ่งนี้มาตั้งนานแล้ว โดยนวัตกรรมส่วนใหญ่จะถูกต่อยอดไปในเชิงพาณิชย์ ตัวชี้วัดอันหนึ่งสำหรับนวัตกรรมที่เจ๋งคือส่วนใหญ่จะถูกเลียนแบบอาจจะทั้งหมดหรือบางส่วน
การพัฒนาสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ ไปสู่นวัตกรรมอาจต้องอาศัย เวลา เนื่องจากสิ่งประดิษฐ์นั้นๆ อาจจะยังไม่ตอบโจทย์คนส่วนใหญ่ หรือปัจจัยเสริมอื่นๆ ยังไม่เอื้ออำนวย หรือต้องการการพัฒนาเพิ่มเติมอีกขั้นเพื่อความสมบูรณ์แบบ ตัวอย่าง เช่น หน้าจอสมาร์ทโฟนแบบสัมผัสที่ถูกพัฒนามาได้นานพอสมควร แต่กว่าจะถูกปล่อยออกมาเชิงพาณิชย์ที่มีผู้ซื้อสามารถเข้าถึงได้ก็ใช้เวลานาน
ขณะเดียวกันการผลักดันสินค้านวัตกรรมด้วยกลยุทธ์ทางการตลาดก็อาจเป็นสิ่งจำเป็น เพราะบางครั้งคนทั่วๆ ไปอาจยังไม่ตระหนัก หรืออาจยังมองไม่เห็นความจำเป็น ของสินค้าและบริการนั้้นๆ แต่เมื่อสินค้านวัตกรรมเหล่านั้นเข้าถึงหรือทำให้ผู้ใช้ตระหนัก สิงประดิษฐ์ใหม่ๆ หรือบริการใหม่ๆ จะกลายเป็นนวัตกรรมได้เช่นกัน นั่นหมายความว่าการสร้างนวัตกรรมอาจต้องอาศัยคนหลายฝ่า่ยทำงานประสานสอดคล้องเพื่อให้นวัตกรรมเกิด
ในเชิงพาณิชย์แล้วนวัตกรรมค่อนข้างปกปิด หมายความว่า สินค้านวัตกรรมจะถูกปิดเป็นความลับไว้อย่างดีเพื่อไม่ให้คู่แข่งขโมยความคิดไปประดิษฐ์หรือถูกพัฒนาโดยคนทั่วๆ ไปเต็มไปหมด ซึ่งท้ายที่สุดก็ต้องมาแข่งขันกันเรื่องราคา ดังนั้นการวางแผนในการจดสิทธิบัติจึงเป็นเรื่องสำคัญในการพัฒนาสินค้าเชิงนวัตกรรม
นักนวัตกรรม หรือ นวัตกร (Innovator)
องค์กรที่มีการพัฒนาเชิงนวัตกรรม ควรรู้ว่าใครในองค์กรเป็นนักนวัตกรรม นักนวัตกรรมส่วนใหญ่จะศึกษาสิ่งใหม่ๆ ด้วยตัวเอง มีความคิดนอกกรอบแต่มีความพอดี นักนวัตกรรมแตกต่างจากนักประดิษฐ์คือมีความเข้าใจมนุษย์ นักนวัตกรรมส่วนใหญ่มีแนวคิดอย่างนักประดิษฐ์หรือคคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ แต่ไม่ว่าจะเป็นนักประดิษฐ์หรือไม่ก็ตามในธรรมชาตินักนวัตกรรมจะมีความใฝ่รู้ในสิ่งใหม่ๆ ไอเดียวใหม่ๆ วิธีคิดใหม่ๆ การแก้ปัญหาใหม่ๆ ทั้งที่เกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับงานที่ทำอยู่ และเก็บข้อมูลสิ่งเหล่านั้นไว้ในหัวเสมอๆ การพัฒนานักนวัตกรรมไม่สามารถทำได้โดยการบังคับหรือการสั่ง เพราะนักนวัตกรรมจะสนใจสิ่งต่างๆ ที่เขาสนใจด้วยตัวเอง เนื่องจากนักนวัตกรรมค่อนข้างคิดนอกกรอบต่างจากคนทั่วไป นักนวัตกรรมหลายๆคนมีนักประดิษฐ์เป็นคู่หูหรือเป็นมือขวาไว้เป็นที่ปรึกษา
การตั้งโจทย์เพื่อให้นักนวัตกรรมหาคำตอบ เป็นอีกแนวทางที่องค์กรหลายๆ องค์กรใช้เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อให้ได้คำตอบที่โดดเด่นที่สุด นักนวัตกรรมต้องมีความคิดอย่างแรงกล้าหรือค่อนข้างอินกับการหา Solution นั้นๆ แต่ไม่ควรตีกรอบในแนวทางการหาคำตอบให้มากเกินไปเพราะแนวทางการหาคำตอบของนักนวัตกรรมย่อมไม่เหมือนคนทั่ว นักนวัตกรรมมักมองที่เป้าหมาย มองหาทางเลือกที่ดีที่สุด ราคาถูกที่สุด มุมมองการแก้ปัญหาไม่ได้มองแค่องค์ความรู้ที่ร่ำเรียนหรือเชี่ยวชาญอย่างเดียว
คำตอบง่ายๆ ว่าทำไมเมื่อมีการตั้งโจทย์เพื่อหา Solution แล้วนักนวัตกรรมมักหาคำตอบที่คาดไม่ถึงเสมอๆ ก็เนื่องจากว่าข้อมูลในหัวหรือแนวคิดที่สะสม Idea หรือ Solution แบบไม่จำกัดศาสตร์หรือเทคนิคของนักนวัตกรรมมันมีอยู่ในหัวเต็มไปหมดนั่นเอง ถึงยังไม่มีคำตอบ ณ ตอนนั้น นักนวัตกรรมจะมีแนวทางหรือคอนเนคชั่นเพื่อไปหาคำตอบได้เสมอๆ
การหาคำตอบที่ใช่ของนักนวัตกรรม จำเป็นต้องเข้าถึงสิ่งที่เกียวข้องกับสินค้าหรือผลิตภัณฑ์นั้นๆ ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เช่นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ นักนวัตกรรมจะเข้าไปถึงตั้งแต่วัตถุดิบ เส้นทางลำเลียง กระบวนการผลิต แนวคิดหรืออุปกสรรคต่างๆ ในโต๊ะประชุม การจัดเก็บ จนไปถึงลูกค้า การเข้าไปพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้หรือแนวคิดกับชาวบ้าน ลูกค้า กลุ่มคนหลากหลาย ทั้งเพศ อายุ สังคม ทำให้ได้ Idea หรือการแก้ปัญหาใหม่ๆ เสมอ เช่น เมื่อเข้าไปคลุกคลีกับชาวบ้านที่ผลิตวัตถุดิบและมีแนวคิดใหม่ๆ เราก็จะถามว่าทำไมลุงไม่ทำอย่างนี้ ป้าไม่ทำอย่างนั้น เรามักจะได้ความรู้ใหม่ที่คิดไม่ถึงเสมอ การแก้ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ให้กับแแหล่งวัตถุดิบสามารถลดต้นทุนของผลิตภัณฑ์อย่างคิดไม่ถึง การเข้าถึงกลุ่มลูกค้าหรือผู้ใช้งาน หรือคนให้บริการก็เป็นลักษณะคล้ายกัน
เมื่อนักนวัตกรรมเข้าไปเกียวข้องกับขั้นตอนต่างๆ Solution ใหม่ๆ มักจะเกิดในส่วนงานนั้นๆ เสมอๆ เนื่องจากองค์ความรู้อื่นๆ ที่มีอยู่ในหัวบวกกับความคิดนอกกรอบจะถูกนำมาประยุกต์ใช้ได้ง่ายๆ นั่นเอง
แหล่งของ Solution ของนักนวัตกรรมไม่จำเป็นต้องเป็นเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างเดียว การศึกษาวิธีการแก้ปัญหาจากแหล่งที่มีทุนน้อย หรือมีข้อจำกัดเรื่องเครื่องใหม่เครื่องมือ หรือไม่มีเทคโนโลยีอะไรมาก เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่อาจยังมีราคาแพงอยู่ นักประดิษฐ์หรือนักคิดในแหล่งที่มีข้อจำกัดต่างๆ ไอเดียหรือการแก้ปัญหาจะถูกเค่นออกมาจากหัวแบบสุดๆ แบบเต็มที่ เพราะไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือ หรือ วิธีการอะไรทันสมัยราคาแพงมาช่วยได้ นั่นหมายความว่า ต้นทุนของการแก้ปัญหามีราคาที่ต่ำกว่าเทคโนโลยีใหม่ๆ นั่นเอง
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับผู้ที่กำลังศึกษาเกี่ยวกับนวัตกรรมนะครับ
บรรพต เคลียพวงพิทย์
บรรพต เคลียพวงพิทย์
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น